อุปกรณ์ทั้งหมดมีดังต่อไปนี้
อุปกรณ์ | คุณสมบัติ | จำนวน |
---|---|---|
ยางยืดสีม่วง | ให้แรงต้าน 20 ปอนด์ (~ ดัมเบล 5 Kg) | 1 เส้น |
ยางยืดสีน้ำเงิน | ให้แรงต้าน 30 ปอนด์ (~ ดัมเบล 10 Kg) | 1 เส้น |
ยางยืดสีแดง | ให้แรงต้าน 50 ปอนด์ (~ ดัมเบล 12 Kg) | 1 เส้น |
มือจับ | มือจับหุ้มด้วยโฟมอย่างดี พร้อมหูเกี่ยวสายยางยืด | 2 อัน |
สายรัดข้อเท้า | สายรัดข้อเท้าเอาไว้เล่นกล้ามเนื้อขาและก้น | 2 อัน |
ที่ยึดกับประตู | เอาไว้สอดใต้หรือบนประตูเพื่อเป็นตัวยึดสายยางยืด | 1 อัน |
ท่าออกกำลังกาย | แผ่นพับตัวอย่างท่าออกกำลังกาย | 1 แผ่น |
โดยทั่วไปถ้าเราพูดถึงการเล่นเวทหรือการฝึกกล้ามเนื้อ ส่วนใหญ่แล้วพวกเราจะชินกับการใช้แรงต้านที่อยู่ในรูปของลูกน้ำหนักดัมเบลหรือแมชชีน ซึ่งจะใช้แรงโน้มถ่วงของโลกในการสร้างแรงต้านให้กับกล้ามเนื้อ แต่มีอุปกรณ์อีกชนิดนึงที่ไม่ได้ใช้แรงโน้มถ่วงของโลกแต่ใช้แรงจากการตึงตัวของเส้นยาง เราเรียกอุปกรณ์ฟิตเนสชนิดนี้ว่า Resistance Band หรือ ยางยืดออกกำลังกายครับ
Resistance Band เป็นอุปกรณ์ฟิตเนสที่มีน้ำหนักเบา สามารถใช้แทนดัมเบลได้ เป็นอุปกรณ์ที่เมื่อเล่นควบคู่กับการทำคาร์ดิโอสามารถใช้เบิร์นไขมันได้ดี Resistance Band สามารถใช้เล่นกล้ามเนื้อได้ทั่วทั้งตัวและเล่นได้หลากหลายท่า ใช้พื้นที่น้อย ไม่ต้องเสียเวลาติดตั้งอุปกรณ์ และพกพาสะดวก
เนื่องจากแรงต้านของ Resistance Band ต่างกับแรงต้านจาก Dumbbell จึงทำให้อุปกรณ์ทั้งสองเหมาะสำหรับเป้าหมายในการออกกำลังกายที่แตกต่างกัน แรงต้านจาก Resistance Band จะค่อยๆเพิ่มขึ้นเมื่อคุณดึงสายยางให้ยาวขึ้นโดยแรงจะดึงกลับเข้าที่แนวเดียวกับสายยาง แต่แรงต้านของ Dumbbell จะมีจุดหนึ่งที่หนักที่สุด ส่วนจุดอื่นๆจะเบาลง และแรงจะวิ่งเข้าหาพื้นดิน(เนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลก) ซึ่งแรงต้านที่ต่างกันนี้ทำให้เกิดจุดเด่นจุดด้อยดังต่อไปนี้
ถ้าจุดมุ่งหมายของคุณคือการทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้นมากๆ เพื่อนที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวังคือลูกเหล็กดัมเบลและบาร์เบลครับ การกระตุ้นให้กล้ามเนื้อโต(Hypertrophy) จำเป็นจะต้องใช้น้ำหนักที่มากและเน้นที่กล้ามเนื้อมัดหลักซึ่งลูกเหล็กตอบโจทย์ได้ตรงกว่า
การฝึกเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง (Strength) คือการฝึกเพื่อเพิ่มน้ำหนักที่เรายกไปเรื่อยๆ ยิ่งเรายกน้ำหนักได้มากเท่าไร ก็แสดงว่าเรามี Strength ที่ดีมากเท่านั้น ซึ่งการจะเพิ่มน้ำหนักได้จำเป็นจะต้องยกด้วยน้ำหนักสูงมากเป็นจำนวนครั้งน้อยๆ ซึ่งลักษณะทางกายภาพของ Resistance Band ไม่เหมาะกับการใช้แรงต้านแบบนี้ และยังไม่สามารถเพิ่มน้ำหนักไปเรื่อยๆได้
เนื่องจากแรงต้านของ Resistance Band เพิ่มขึ้นตลอดเวลาที่เราดึง ระบบประสาทจึงต้องทำงานมากกว่าปกติในการควบคุมกล้ามเนื้อหลายๆมัดเพื่อรักษาตำแหน่งไม่ให้สายถูกดึงกลับ ดังนั้นในท่าฝึกเดียวกัน การใช้ Resistance Band จะกระตุ้นระบบประสาทและกล้ามเนื้อได้มากกว่าการใช้ Dumbbell ซึ่งส่งผลให้ไขมันถูกเบิร์นไปได้มากกว่า (การบังคับกล้ามเนื้อต้องใช้พลังงาน ดังนั้นเมื่อกล้ามเนื้อถูกใช้มากกว่า ไขมันก็จะถูกเผาเป็นพลังงานไปมากกว่า)
เนื่องจากแนวแรงดึงของยางยืดเปลี่ยนไปตามตำแหน่งและความยาวที่ถูกดึงของสายยาง ทำให้กล้ามเนื้อหลายมัดต้องทำงานร่วมกันเพื่อรักษาความมั่นคงของร่างกาย การฝึกแบบนี้จะช่วยให้เราบังคับร่างกายได้ดีขึ้น เป็นการฝึกร่างกายแบบรวมทั้งตัวที่ได้เปรียบอุปกรณ์อื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าจุดเด่นที่ชัดที่สุดของ Resistance Band แท้ที่จริงแล้วก็คือ น้ำหนักที่เบา ขนาดเล็ก เล่นได้แม้มีพื้นที่น้อย อีกทั้งยังพกพาไปกับการเดินทางได้สะดวก และเมื่อเทียบกับดัมเบลที่ให้แรงต้านเท่ากัน Resistance Band มีราคาถูกกว่ามากหลายเท่า จึงทำให้ Resistance Band เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ยอดนิยมที่หลายคนนำมาใช้ในการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายนั่นเองครับ
Resistance Band มีหลายประเภทด้วยกัน มีทั้งแบบสายเดี่ยวมีมือจับ, แบบแผ่น, แบบวงกลม, แบบปรับน้ำหนักได้ แต่ละประเภทมีข้อดีข้อด้อยแตกต่างกันไป โดยประเภทที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมสำหรับการเอาไว้เล่นที่บ้านคือแบบแยกปรับน้ำหนักได้ เพราะซื้อแค่ครั้งเดียวแต่สามารถปรับน้ำหนักเปลี่ยนตามความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ต่างกันในแต่ละส่วนได้นั่นเอง
หมายเลขบัญชี | ธนาคาร | ชื่อบัญชี |
---|---|---|
504-0-712530 | ธนาคารกรุงเทพ สาขาสุเทพ เชียงใหม่ | นาย ชลวัฒน์ จริยาเลิศศักดิ์ |
016-7-146315 | ธนาคารกรุงเทพ สาขาเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน 2 | นาย ชลวัฒน์ จริยาเลิศศักดิ์ |
357-267806-0 | ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน | นาย ชลวัฒน์ จริยาเลิศศักดิ์ |
726-2-35555-8 | ธนาคารกสิกรไทย สาขาเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน | นาย ชลวัฒน์ จริยาเลิศศักดิ์ |